top of page

Design Inspiring Node

FIRST TIME, HAPPINESS UNDER THE SAME ROOF


First time with Mega Bangna

Looking back to 2011, there was construction progressing on extremely large sized pieces of land on Bangna-Trad Rd., on the way heading to wards Chonburi, near Kanchanapisek outer ring road. This area was only a passing through street, not a destination shopping mall area. World class brands such as IKEA also opened there at the end of last year, and this has changed the face of furniture shopping trends completely. Mean while, many property development projects have spread out in the area and Mega Bangna finally opened in 2012. It is the first horizontal mega mall in Thailand with 2 levels and a 2 kilometers corridor where many restaurants are situated. The premises are comprised of Robinson Department Store, Big C Extra, Home Pro, or the ultra chic space like Mega Cineplex which holds 15 cinemas with 3,500 seats. Additionally, there is Blu o Rhythm and Bowling which lets you enjoy karaoke, bowling, ice skating, or the fitness first center.

First time with Mega Bangna Projects

Mr. Ronachai Leowpairoj, a senior associate from HASSELL Studio revealed that a major point of their concern was that they had to successfully complete the project with in given time constraints. Originally, the project began from the idea of a business owner who wished to build the large horizontal complex mall with only 2 levels similar to ones in America and Russia. He discovered the strength of this kind of mall is that people who go shopping are able to look through most shops without blind spots which is different from traditional vertical malls where shoppers always meet dead ends on each floor and the rental space on upper floors are often empty. Therefore, the owner hired a Mega Mall specialist architects from America to design the project from planning the conceptual, planning layout & circulation plan, and other utilization spaces until everything had reached the development process and HASSELL Thailand had become involved. The studio continued to develop the design, approval drawing to construct at the end of 2010.

The challenge of this project was that they had only 18 months to develop the plan in terms of both building legislation and the materials selection. More over, they had to develop the concept to be as similar as possible to the conceptual idea which had began in America. The pressure also lied in the standard SF development company which was established for them to complete. They required everything to meet international standards in both building systems and project planning management. HASSELL planned to employ local materials without importing from overseas to save costs, and they successfully completed this mission. The other significant design issue for this type of project is to allocate the functional space to be as efficient as possible. The efficient area provides convenient access to the shops and allows shoppers to be able to see each retailers offerings clearly. The Canal walk is another selling point of Mega Bangna as well as the plaza zone where all sorts of activities are held. The oval shaped walking corridor not only creates a sophisticated ambience to the place, but also provides more space to put the shops in.

The owner has requested HASSELL to focus on fire protection system such as the Sprinkler system which is designed as double layer to provide safety to building residents. Apart from installing the Sprinkler system according to the law, there is an additional sprinkler system above the ceiling to prevent the fire to spread in cases there are faults from other M & E systems. The business owner put a high level of concern on safety for retailers and shoppers in this mega mall and strictly follows building regulations including toilet facilities, traffic management, parking lot spaces, and so on. HASSELL required other organizations to support with their expertise in order to provide the best building utilization for all. HASSELL believes this experience has brought them a new learning which can be a stepping stone to the next level of mega shopping mall design for other upcoming projects.

First time with shopping at Mega Bangna

The first section opened in the complex was IKEA, the crowd magnet world class furniture store that has changed the shopping behavior of Thai people. IKEA has established the trend of self-service, recycled bag, pricing strategy causing enormous changes to other furniture stores in terms of competition and strategy.

Many people are pleasantly surprised when the complete project in Mega Bangna was opened as it was exceptionally large. Although shoppers might get lost while walking around the oval shaped corridor, the mall has a detailed floor map available, the refore it would be a good idea to take one before exploring. Alternatively, shoppers who have plenty of time just let loose and walk along as the zoning design makes you enjoy the experience without sweat. Otherwise, planning where you head to could also save time. Mega Bangna is designed to accommodate 150,000 people daily and this leaves us wondering what it would be like to be one amongst the crowd and how the place could really support a fully packed situation. Let’s observe this when we have time during the weekend or holidays.

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ มีการเปิดตัวของช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่บนถนนบางนา-ตราด ซึ่งเป็นเมกะมอลล์แนวราบแห่งแรกในเมืองไทย บนพื้นที่ขนาด 400,000 ตร.ม. ในคอนเซ็ปต์ “ศูนย์การค้าเพื่อครอบครัว รวมความสุขของทุกคนไว้ภายใต้หลังคาเดียวกัน”

ครั้งแรกกับ เมกะ บางนา

เริ่มต้นกับการเฝ้าดู ต้องย้อนกลับไปในปี 2554 มีโครงการก่อสร้างพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่มากบนถนนบางนา-ตราด ระหว่างทางมุ่งหน้าไปชลบุรีบริเวณแยกตัดถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก เป็นที่น่าประหลาดใจว่าบริเวณที่เป็นทางขับรถผ่านไม่ใช่ย่านการค้าที่จะมีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งต่อมาก็เกิดกระแสห้างเฟอร์นิเจอร์ผุดขึ้นบนถนนบางนา-ตราด อย่าง Index Living Mall, SBFurniture Center และในปลายปีเดียวกันนั้นก็มีการเปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทยกับห้างเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง IKEA ที่เปลี่ยนกระแสของการช้อปปิ้งเฟอร์นิเจอร์ในเมืองไทยไปจนเสียกระบวนกลยุทธ์กันเลย พร้อมกับการปลุกกระแสให้ทำเลแถวนั้นตื่นตัว เกิดโครงการจัดสรรที่ดินและโครงการที่พักอาศัยตามมาเป็นย่านโดยรอบโครงการอีกมากมาย และเมื่อโครงการ เมกะ บางนา พัฒนามาแล้วเสร็จในปี 2555 ทำให้เราได้พบกับเมกะ มอลล์แนวราบแห่งแรกในเมืองไทย ด้วยความสูงเพียง 2 ชั้น กับทางเดินที่ยาวเกือบ 2 กิโลเมตรโดยรอบ ซึ่งจะทำให้เราสามารถเดินเข้าถึงร้านค้ากว่า 800 ร้านได้อย่างทั่วถึง ทางด้านหน้าของโครงการจะพบกับทางเดิน Canalwalk ที่มีร้านอาหารหลากหลายแนวให้เลือกนั่งกินนั่งดื่มตลอดทางเดิน นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าอย่างโรบินสันในบรรยากาศของการตกแต่งแนว Urban Modern เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองบนพื้นที่ช้อปปิ้ง 3 ชั้น รวมกว่า 15,000 ตร.ม. หรือจะเลือกช้อปแบบแนวไทยๆ ก็ยังมีห้างบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า เพื่อการช้อปสินค้าคุณภาพในราคาที่มั่นใจ หรือศูนย์รวมสินค้าและของแต่งบ้านพร้อมบริการแบบครบวงจรของคนไทยอย่าง Home Pro ให้ได้เลือกช้อป และร้านค้าแนวอื่นๆ อีกหลากหลาย แต่สุดล้ำกับพื้นที่แนวไลฟ์สไตล์ในเครือเมเจอร์ที่ให้เราได้ใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น เมกาซีนีเพล็กซ์ ซึ่งเป็นสุดยอดโรงภาพยนต์ระบบดิจิตอล 15 โรง กว่า 3,500 ที่นั่ง พร้อมกับบลูโอ ริธึม แอนด์ โบว์ลิ่ง ที่ให้คุณได้ร้องคาราโอเกะและเล่นโบว์ลิ่งไปด้วยกัน หรือซับ ซีโร่ ไอซ์สเก็ตระดับเวิลด์คลาสขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 1,000 ตร.ม. และยังมีศูนย์ออกกำลังกายของ Fitness First คอยให้บริการอีกด้วย ความใหญ่ของพื้นที่และความหลากหลายของกิจกรรมทำให้ เมกะ บางนา เป็นห้างที่ตอบโจทย์และสามารถให้คุณได้ใช้เวลาเดินช้อปปิ้งและเลือกทำกิจกรรมร่วมกันได้ทั้งครอบครัวในคราวเดียวกัน

ครั้งแรกกับโครงการเมกะ บางนา

คุณรณชัย เลี่ยวไพโรจน์ Senior Associate จาก HASSELL Studio ได้เปิดโอกาสให้เราได้รับรู้ในการทำงานโครงการขนาดใหญ่แห่งนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ HASSELL เองได้ทำโครงการเมกะ คอมเพล็กซ์ พื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ ความน่าสนใจอยู่ที่การทำโครงการให้แล้วเสร็จและประสบความสำเร็จในเวลาที่จำกัด เพราะโครงการนี้แต่แรกเริ่มนั้นไม่ได้เริ่มการออกแบบจาก HASSELL เกิดจากทางเจ้าของโครงการได้มีความคิดในการสร้างสถานที่ช้อปปิ้งขนาดใหญ่ขึ้นมาแห่งหนึ่ง จึงเริ่มจากการไปศึกษาแนวความคิดห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศแถบอเมริกาและรัสเซีย ได้พบเห็นห้างช้อปปิ้งมอลล์ในแนวราบที่มีความสูงเพียงไม่กี่ชั้น ซึ่งพบว่ามีข้อดีคือ คนที่มาช้อปปิ้งในห้างจะสามารถมองเห็นร้านค้าแต่ละร้านได้เกือบทุกร้าน ทำให้ไม่ค่อยมีจุดอับซึ่งแตกต่างจากห้างในแนวตั้งที่พื้นที่ร้านค้าชั้นบนมักจะขายไม่ค่อยออกเพราะคนเดินขึ้นไปไม่ถึง และจะมีทางเดินที่เป็น Dead end อยู่มาก เจ้าของโครงการจึงว่าจ้างสถาปนิกชาวอเมริกันที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบโครงการ Mega Shopping Mall ให้ออกแบบโครงการนี้ ซึ่งก็ได้เริ่มวางแนวความคิดในการออกแบบ การวางผัง การวางแนว Circulation สัดส่วนพื้นที่ใช้สอยต่างๆ จนกระทั่งแบบเริ่มนิ่งและเข้าสู่ขั้นตอนในการพัฒนาแบบ ซึ่งตอนนี้เองที่ทาง HASSELL ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมในการพัฒนาแบบเพื่อขออนุญาตและออกแบบก่อสร้างในช่วงปลายปี 2010 ช่วงเวลาเพียง 18 เดือนกับการพัฒนาแบบ ทั้งในแง่ของเรื่องกฎหมายอาคารและเรื่องของวัสดุอาคาร การทำให้โครงการนี้แล้วเสร็จโดยตอบสนองตามแนวความคิดในการออกแบบของทางเมืองนอกให้ได้มากที่สุดถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างมาก เวลาในการพัฒนาแบบเพียง 3-4 เดือน และช่วงเวลาในการก่อสร้างในปี 2011 ที่ต้องแล้วเสร็จให้ทันกับการเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมในปี 2012 นั้น มีทั้งความสนุก ท้าทาย และความกดดันให้กับทีมงานของ HASSELL ตลอด เนื่องจากเจ้าของโครงการ SF Development ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการถือหุ้นร่วมกันระหว่าง SIAM FUTURE และ IKANO ซึ่งเป็นเจ้าของห้าง IKEA ต้องการให้มาตรฐานในโครงการทั้งหมดเป็นมาตรฐานในระดับสากล ทั้งเรื่องงานระบบและการบริหารพื้นที่โครงการ ซึ่งต้องยอมรับว่าคงไม่ง่ายสำหรับนักออกแบบทั่วไปที่จะรับมือกับการทำงานที่มีเวลาจำกัดและมีข้อกำหนดตามมาตรฐานสากล อีกทั้งงบประมาณที่จะต้องจำกัดแต่ต้องตอบสนองแนวความคิดในงานออกแบบที่มาจากทางเมืองนอกได้อย่างดีด้วย แต่ทาง HASSELL ก็พยายามตอบโจทย์ในงานออกแบบตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุที่ไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้ เพื่อช่วยประหยัดงบในการก่อสร้างถึงแม้เป็นวัสดุที่เรียบง่าย ธรรมดาไม่ได้หวือหวาแต่สามารถตอบโจทย์ในการใช้งานที่ดูสวยงามและราคาไม่แพงได้ เพราะด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ที่พื้นที่ดูอลังการอยู่แล้ว การเลือกวัสดุที่ติดดินแต่ได้อารมณ์ก็สามารถสร้างบรรยากาศให้คนที่มาช้อปปิ้งรู้สึกประทับใจได้ จริงๆ แล้วการออกแบบพื้นที่โครงการขนาดใหญ่ขนาดนี้ ความสำคัญคือการออกแบบให้เกิดการใช้พื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่า พื้นที่ขายที่มีศักยภาพ คนสามารถเดินเข้าถึงร้านค้าได้ง่าย เชิญชวนคนที่มาช้อปปิ้งในห้างให้มองเห็นร้านค้าแต่ละร้านได้ไม่มีจุดอับ ซึ่งทาง Marketing จะเน้นตรงนี้มากกว่าการสร้างพื้นที่จุดขายอย่าง Canal walk หรือมีโซนพลาซ่าเป็นลานกิจกรรมภายนอกอาคาร เพื่อการจัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงทางเดินที่เป็นแบบวงรีโดยรอบอาคารซึ่งทำให้ได้พื้นที่หลายโซน และเข้าถึงพื้นที่ร้านค้าได้ทั่วถึง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่คำนึงถึงมากกว่าความสวยงามของอาคารเพียงอย่างเดียว มาตรฐานสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องของงานระบบ ซึ่งทางเจ้าของโครงการขอมาว่าต้องเป็นระดับมาตรฐานสากล ดังนั้นระบบความปลอดภัยภายในอาคารจึงเยอะกว่าข้อบังคับกฎหมายอาคารในเมืองไทย ทาง HASSELL เองก็ต้องปรับระดับความเหมาะสมในเรื่องนี้กับการวางผังอาคารให้ได้อย่างลงตัว เช่น เรื่องของทางหนีไฟในพื้นที่ห้างแนวราบที่มีขนาดใหญ่มาก ที่มีทางเดินแบบ Double corridor รูปวงรีรอบพื้นที่ร้านค้าที่อยู่เรียงรายต่อกัน ทำให้มีปัญหากับการวางผังของบันไดหนีไฟให้อยู่ในระยะที่กฎหมายกำหนด ต้องห่างกันไม่เกิน 60 เมตรโดยรอบ จึงให้มีการออกแบบทางเดินหนีไฟเกิดขึ้น ระหว่างด้านหลังร้านค้าซึ่งเป็นพื้นที่ Service circulation โดยทางเดินต้องอัดอากาศ Air pressurized เช่นเดียวกันกับในช่องบันไดหนีไฟ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องของบันไดหนีไฟที่มีการวางเกินกว่าระยะ 60 เมตร หรือแม้แต่เรื่องของระบบหัวฉีดน้ำดับเพลิงภายในอาคาร Springer นั้นก็ถูกออกแบบมาเป็นแบบ Double layer เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้สอยอาคารอย่างมาก นอกจากระบบ Springer ตามข้อกำหนดทางกฎหมายอาคารสาธารณะแล้ว หากเกิดไฟไหม้ที่มีสาเหตุจากท่องานระบบต่างๆ ที่อยู่ในระดับเหนือฝ้าขึ้นไปแล้วก็จะมีระบบ Springer รองรับอีกชั้นหนึ่งทันที เพื่อป้องกันการลุกลามของเปลวเพลิง ซึ่งถือว่าทางเจ้าของโครงการยอมที่จะสนับสนุนงบประมาณเพื่อความปลอดภัยอย่างสูงของผู้ใช้สอยในโครงการเมกะ ช้อปปิ้ง มอลล์แห่งนี้ ไม่ว่ากฎหมายอาคารและข้อกำหนดในเรื่องต่างๆ ที่ต้องมาปรับให้ได้ความลงตัวในการใช้งานจริง ไปจนกระทั่งการออกแบบมาตรฐานสุขอนามัยห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตั้งแต่การจราจรของยานพาหนะไปจนพื้นที่จอดรถ ทาง HASSELL เองจำเป็นต้องมีผู้ชำนาญการมาช่วยให้คำแนะนำเพราะโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ ต้องใช้ทีมงานและองค์ความรู้มาประกอบมากมาย เพื่อตอบสนองการใช้สอยพื้นที่ภายในอาคาร ให้ช้อปปิ้งกันได้อย่างสบายใจ ซึ่งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในการออกแบบเหล่านี้ HASSELL เองเชื่อว่าได้ทำให้เกิดการเรียนรู้ เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่ดี และนำมาซึ่งความชำนาญการในการออกแบบเมกะ ช้อปปิ้ง มอลล์ต่อไป เราเองก็คาดหวังว่าโครงการเมกะ ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์โครงการต่อไป คงถึงคราวของสถาปนิกไทยได้แสดงฝีมือกันบ้าง อย่างน้อยก็เพื่ออนาคตในระดับอาเซียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

ครั้งแรกกับช้อปปิ้งที่ เมกะ บางนา

ถ้าพูดถึงครั้งแรกก็คงต้องกับ IKEA ห้างเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านแบรนด์ดังระดับโลก วันแรกและครั้งแรกที่เปิดตัวในปี 2011 เราเฝ้ารอกับการเป็นผู้เยี่ยมชมที่ดีเนื่องจากกระแสการเห่อของคนไทยมีมากเหลือเกิน การจราจรก็ติดขัดมาก ส่วนมุมอาหารและคาเฟ่ก็เต็มไปด้วยคิวยาวเหยียดที่รอจ่ายเงิน แต่ก็เป็นที่น่าดีใจที่ในที่สุดห้างนี้ได้เข้ามาเมืองไทยเพื่อให้เราได้เลือกช้อปของแต่งบ้านกันเสียที การช้อปปิ้งแบบ IKEA กระแสการ Do It Yourself หรือการซื้อสินค้ามาประกอบเอง การบริการตัวเอง การประหยัดทรัพยากรโดยการนำถุงเดิมมาใส่ของทำให้ราคาสินค้าบางอย่างถูกกว่าห้างในรูปแบบเดียวกันที่อื่นๆ อยู่มาก จำได้ว่าไม่กี่สัปดาห์ก็เกิดกระแสปรับการช้อปปิ้งแนวใหม่เกิดขึ้นในห้างเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ และราคาที่ปรับลดลงมีการแข่งขันกันมากขึ้นตามมา แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ประทับใจสำหรับการบริการเมื่อคุณเป็น IKEA FAMILY นอกจากราคาที่ถูกกว่าแล้ว ที่มุมอาหารและคาเฟ่คุณจะได้รับเครื่องดื่มแบบ Refill ฟรีไม่อั้น ต่อมาในเวลาไม่กี่เดือนก็มีการเปิดตัวแบบเต็มโครงการของเมกะ บางนา การเดินช้อปปิ้งครั้งแรกนั้นช่างน่าประทับใจอย่างมาก เนื่องจากได้ไปวันธรรมดาระหว่างช่วงเวลาทำงานของคนอื่นๆ ในเวลาบ่ายแก่ๆ ทำให้การเดินช้อปปิ้งเป็นไปอย่างชิลๆ ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่มากซึ่งมักจะทำให้คนเราหลงทางได้ง่าย แต่เนื่องจากทางเดินที่เป็นรูปวงรีโดยรอบอาคารที่รายล้อมอยู่ด้วยร้านค้าบนพื้นที่อาคารสูง 2 ชั้น ไม่ทำให้เกิดการหลงทาง แต่ทำให้คุณต้องเดินวนไปจนไม่รู้ตัวว่าอาจเดินถึง 2 กิโลเมตรไปแล้ว ข้อแนะนำในการช้อปปิ้งที่นี่ครั้งแรกควรสอบถามประชาสัมพันธ์ถึงทางไปร้านค้า และขอแผนที่ร้านค้ามาเก็บไว้เพื่อใช้เป็นแผนที่นำทางจะดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินวนไปรอบๆ โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ แต่ฝ่าย Marketing และผู้ออกแบบเค้าตั้งใจมาหลอกล่อเราอยู่แล้ว อันนี้ไม่แปลกเพราะคิดว่าเค้าประสบความสำเร็จ การจัดโซนนิ่งทำให้เราเดินไปเพลินๆ ได้โดยรอบสำหรับคนที่มีเวลาช้อปปิ้ง ส่วนคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเดินช้อปปิ้ง ถ้าต้องการช้อปปิ้งทานอาหารหรือทำกิจกรรมที่เฉพาะเจาะจงก็สามารถมุ่งตรงไปที่โซนต่างๆ ได้เลย อย่างโซนห้างโรบินสัน ห้างบิ๊กซี ห้างโฮมโปร หรือโรงภาพยนตร์เมกะ ซีนีเพล็กซ์ หรือฟิตเนส เฟิร์ส หรือไปทานอาหารที่ Food Republic ต้องยอมรับจริงๆ ว่าครั้งแรกที่มาช้อปปิ้งที่เมกะ บางนา ยังเดินได้ไม่ทั่ว เดินไปเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น คงต้องหาเวลาว่างมาสำรวจอีกครั้งเพื่อประเมิน เพราะได้ข่าวว่าเมกะ บางนา เค้าคาดว่าจะรองรับคนที่จะมาช้อปปิ้งได้กว่า 1.5 แสนคนในแต่ละวัน ทำให้เราอยากรู้ว่าการช้อปปิ้งพร้อมคนมากขนาดนั้น พื้นที่ที่เห็นในตอนนี้จะรองรับและเพียงพอแค่ไหน วันหยุดคราวหน้าคงต้องมาพิสูจน์ด้วยตาตัวเองอีกครั้ง

Source: ISSUE 02 JUNE 2012

Fill your name, email and press subscribe

FOLLOW US
  • Black Facebook Icon
  • Black Twitter Icon
  • Black Pinterest Icon
  • Black Instagram Icon
SEARCH BY TAGS
No tags yet.
FEATURED POSTS
Check back soon
Once posts are published, you’ll see them here.
ARCHIVE

 Fill your name, email and press subscribe

bottom of page